ในปีพุทธศักราช 2561 ถือว่าเป็นปีของเศรษฐกิจดิจิทัลของกลุ่มประชาคมอาเซียน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เป็นปีของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น ระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ระบบการขนส่งสินค้า การจัดการสินค้า และการบริการด้านต่างๆ ที่รวมเรียกกันว่าโลจิสติกส์ และที่สำคัญอีกประการหนึ่งและถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือการชพระหนี้ราคาสินค้าและบริการที่ผ่านการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งแตกต่างไปจากการใช้เงินสดในการชำระหนี้ หรือการทำสินเชื่อ เครดิต ที่ผ่านทางสถาบันการเงินในการชำระหนี้ราคาสินค้า และบริการที่ผ่านธุรกรรมทางอินเทอร์เน็ต บุคคลทั่วไปโดยมากจะชำระด้วยบัตรเครดิตที่ออกโดยสถาบันการเงินต่างๆ หรือธนาคารพาณิชย์ที่ทั่วโลกรับรอง
แต่ปัจจุบันนี้ ได้เกิดระบบสกุลเงินเสมือนจริงที่เรียกว่า “Cryptocurrency” หรือบางทีเรียกว่า “Token” ที่มีนักคิดทางอินเทอร์เน็ตว่า ทำไมจำเป็นต้องไปใช้สถาบันทางการเงินให้ยุ่งและเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางปกติแล้ว สถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เป็นผู้ดำเนินการให้สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำตามระบบอยู่แล้ว และสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ยังถูกกฏหมายและระเบียบควยคุม
เหตุนี้เอง นักท่องอินเทอร์เน็ตทั้งหลายได้รวมตัวกันใช้วัตถุเสมือนจริงทางไซเบอร์เป็นเครื่องหมายสัญลักษณ์ของมูลค่าร่วมกัน และใช้สิ่งนี้เองเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า แล้วชีวิตของชาวเน็ตก็สะดวกสบายขึ้นมากโดยไม่ได้ทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทางสถาบันการเงินหรือธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งประเทศต่างๆ ต่างก็ยังลังเลว่า จะจัดการอย่างไรกับวัตถุเสมือนจริงที่ชาวเน็ตทั้งหลายใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า เพราะถ้ามีให้มีการซื้อขายกันโดยใช้มูลค่าเสมือนจริงที่ตลาดแลกเปลี่ยนทางอินเทอร์เน็ตยอมรับกันอยู่ สกุลเงินต่างๆ ที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ก็จะกลายเป็นระบบเงินตราที่ล้าหลัง ไม่ว่าจะเป็นธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์ที่ใช้กันมานับร้อยปี รัฐบาลต่างๆ คงจะต้องออกมาตรการว่าจะยอมรับหรือไม่ยอมรับสิ่งใหม่ที่เรียกว่า Cryptocurrency แต่ความเป็นจริงแล้ว สิ่งนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และคงต้องยอมรับว่า วัตถุแสดงอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นในเวลานี้และอนาคตอันใกล้นี้คงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ร้านค้าคงต้องมีป้ายแสดงสัญลักษณ์ว่า “ร้านนี้รับชำระเงิน Cryptocurrency” ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นในบางประเทศ และมีแนวโน้มที่จะแพร่ขยายออกไป ถ้าเป็นที่นิยมหรือนอมรับกันไปทั่วโลก สกุลเงินต่างที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ที่ใช้ในปัจจุบันก็คงจะล้าหลังไป เรียกว่า ใครตามไปทันก็ตกยุค
กองบรรณาธิการ : Money Kudasai