ในเวลาที่คุณไปขอกู้เงินจากธนาคาร ธนาคารผู้ให้กู้อาจยอมให้คุณกู้เงินโดยมีเพียงสัญญาฉบับเดียวระบุว่าคุณตกลงจะชำระเงินจำนวนที่กู้ไปคืนพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารประกาศกำหนด หรือธนาคารอาจมีเงื่อนไขว่าคุณต้องนำทรัพย์สินบางอย่างมาเป็นหลักประกันในการชำระหนี้ กล่าวคือถ้าคุณไม่สามารถชำระเงินคืนธนาคารตามเวลาที่กำหนดไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม ธนาคารจะไปบังคับชำระหนี้เอาแก่หลักประกันแทน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วหลักประกันที่ว่านั้นมักจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ห้องแถว อาคารพาณิชย์ เป็นต้น
ในขณะที่ผู้กู้บางรายอาจรู้สึกหวาด ๆ กับการนำบ้านหรือรถไปเป็นหลักประกันในการกู้เงินเพราะกลัวว่าจะถูกยึด แท้จริงแล้วสินเชื่อทั้งสองแบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน และการทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียเหล่านี้ย่อมเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้กู้เพื่อจะได้เลือกใช้บริการสินเชื่อที่เหมาะสมกับสภาพและฐานะทางการเงินของตนเอง ผู้เขียนจึงได้รวบรวมข้อดีข้อเสียคร่าว ๆ ของสินเชื่อทั้งสองแบบมาเปรียบเทียบให้เห็นกันชัด ๆ
- สินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกัน ดังที่กล่าวไปแล้วว่าเป็นสินเชื่อส่วนบุคคลที่ผู้กู้จะต้องนำทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งมาวางเป็นหลักประกันการชำระหนี้ตามเงื่อนไขของธนาคาร ข้อเสียของสินเชื่อประเภทนี้คือผู้กู้มีความเสี่ยงที่จะถูกยึดทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันได้หากผิดนัดชำระหนี้ และถ้าหากธนาคารบังคับขายทอดตลาดหลักประกันได้เงินมาไม่พอชำระหนี้แล้ว ผู้กู้จะต้องรับผิดในจำนวนหนี้ส่วนที่เหลืออีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น การผิดนัดจนถูกยึดทรัพย์สินขายทอดตลาดจะถูกบันทึกในประวัติทางการเงินของคุณในเครดิตบูโรอีกด้วย ซึ่งจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของคุณในการกู้เงินครั้งถัดไป อย่างไรก็ตาม หากคุณมีความสามารถในการชำระหนี้คืนได้ตามกำหนด สินเชื่อแบบมีหลักประกันอาจนำโอกาสมาให้คุณแทนที่จะเป็นวิกฤต เนื่องจากสินเชื่อประเภทนี้มักมีระยะเวลาผ่อนชำระนานกว่า มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีโอกาสได้รับอนุมัติสูงกว่าสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน
- ในทางกลับกันการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกันส่วนใหญ่มักจะมีเงื่อนไขที่เข้มงวดในการพิจารณาอนุมัติ ธนาคารจะเรียกดูรายการความเคลื่อนไหวทางบัญชีของคุณย้อนหลังอย่างน้อย 3-6 เดือน รวมทั้งตรวจสอบคะแนนเครดิตของคุณอีกด้วย คะแนนเครดิตที่ไม่ดีอาจส่งผลให้คุณต้องกู้ในอัตราดอกเบี้ยสูง ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์บางประการ หรืออาจไม่ได้รับอนุมัติให้กู้เลยก็เป็นได้ แต่ก็แลกมาด้วยความปลอดภัยของการไม่ต้องนำทรัพย์สินไปวางเป็นหลักประกัน หมายความว่าถึงแม้คุณจะยังไม่มีทรัพย์สินทางธุรกิจ ยังไม่มีอสังหาริมทรัพย์หรือรถเป็นของตัวเอง คุณก็สามารถใช้บริการสินเชื่อประเภทนี้ได้
อย่างไรก็ดี พึงระลึกว่าไม่ว่าสินเชื่อประเภทใดก็ล้วนแต่มีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกใช้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทใดก็ตาม นอกจากการมีข้อมูลที่เพียงพอในการตัดสินใจเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะกับตนเองแล้วผู้กู้ยังควรมีวินัยทางการเงินที่เคร่งครัดด้วย